ครีมเมอร์เริ่มต้นการเล่นอาชีพในปี 2005 และได้ชนะการแข่งขัน Sybase Classic เป็นรายการแรก และถือเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดที่ได้แชมป์แอลพีจีเอทัวร์ ต่อมาในปีเดียวกัน เธอได้แชมป์ที่ 2 ในการเล่นอาชีพ ได้แก่รายการ Evian Masters ซึ่งเป็นรายการที่มีเงินรางวัลสูง ทำให้เธอกลายเป็นนักกอล์ฟที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถทำเงินรางวัลเกิน 1ล้านเหรียญ ได้เร็วที่สุดของแอลพีจีเอ และเมื่อจบฤดูกาล ครีมเมอร์ได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี และทำเงินรางวัลไป 1.5ล้านเหรียญ เป็นอันดับที่ 2 รองจาก แอนนิก้า โซเรนสแตม รวมถึงสถิติ เข้าแข่งขัน 25 รายการ ติด Top 3 ถึง 8 รายการ

ในปี 2006 ครีมเมอร์ได้ถูกจัดอันดับ ให้เป็นนักกอล์ฟหญิงหมายเลข 2 ของโลก รองจาก แอนนิก้า โซเรนสแตม (20 กุมภาพันธ์ 2006) ในปีนี้เธอมีอาการบาดเจ็บ ทำให้เธอไม่ได้แชมป์แอลพีจีเอทัวร์เลย แต่อย่างไรก็ตาม เธอยังคงทำเงินรางวัลเกิน 1ล้านเหรียญ และผ่านการตัดตัวทุกรายการที่เธอลงเล่น ติด Top 10 ทั้งหมด 14 จาก 27 รายการ ผลงานที่ดีที่สุดคือ การได้ที่ 2 ร่วม รายการ The Mitchell Company Tournament of Champions

ในปี 2007 ครีมเมอร์ชนะรายการแอลพีจีเอทัวร์ 2 รายการ ได้แก่ รายการ SBS Open at Turtle Bay ในตอนต้นปี และรายการ The Mitchell Company Tournament of Champions ในตอนปลายปี ในปีนี้ เธอยังได้เป็นผู้เล่นของทีมสหรัฐอเมริกา ในรายการ โซลเฮม คัพ เป็นครั้งที่ 2 และเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เธอติด Top 10 ทั้งหมด 13 รายการ และทำเงินรางวัล 1.3ล้านเหรียญ เป็นอันดับที่ 3 รองจาก ลอเรน่า โอชัว และ ซูซาน เพ็ตเตอร์สัน

ในปี 2008 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสำหรับครีมเมอร์ เธอชนะรายการแอลพีจีเอทัวร์ถึง 4 รายการ และทำเงินรางวัลสูงถึง 1.8ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในการเล่นอาชีพของเธอ

ในปี 2009 เป็นอีกปีที่ครีมเมอร์มีอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้เธอไม่ได้แชมป์แอลพีจีเอทัวร์เลย ผลงานที่ดีที่สุด คือการได้ที่ 2 รายการ LPGA Corning Classic และ Lorena Ochoa Invitational ครีมเมอร์ทำเงินรางวัลไป 1.1ล้านเหรียญ

ในปี 2010 ครีมเมอร์ได้รับบาดเจ็บที่นิ้วมือ ทำให้เธอต้องพักการแข่งขันในช่วงเวลาหนึ่ง และเมื่อเธอกลับมาแข่งขันอีกครั้ง เธอได้ชนะรายการเมเจอร์ U.S. Women's Open ซึ่งเป็นแชมป์รายการเมเจอร์แรกในชีวิตของเธอ ครีมเมอร์ติด Top 10 ทั้งหมด 4 จาก 14 รายการที่เธอเข้าแข่งขัน